การบำรุงรักษามอเตอร์สตาร์ท
การบำรุงรักษามอเตอร์สตาร์ท
มอเตอร์สตาร์ททำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อหมุนขับจานเฟืองที่ติดกับข้อเหวี่ยงเครื่องยนต์ ให้หมุนตามเป็นการเริ่มต้นให้เครื่องยนต์ทำงาน มอเตอร์สตาร์ทจะมีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพสูงขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาที่ดี ดังต่อไปนี้
1.ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์เกินกว่าครั้งละ 10 วินาที เพราะจะทำให้มอเตอร์สตาร์ทไหม้หรือเกิดการชำรุดเสียหายได้
2.ไม่ควรใช้กระแสไฟในการสตาร์ทเกินกว่าที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด เช่น มอเตอร์สตาร์ทต้องการแรงเคลื่อนไฟฟ้าเพื่อสตาร์ท 12 โวลท์ แต่ผู้ควบคุมเครื่องมีความจำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ 2 ลูก ต้องต่อแบบขนานเพื่อเพิ่มกระแสไฟ อย่างต่อแบบอันดับ เพราะจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างอื่นเสียหาย เนื่องจากแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงอีกเท่าตัว จาก 12 โวลท์ เป็น 24 โวลท์
3.ไม่ควรใช้สายไฟหรือเครื่องมือ เช่น ไขควง ต่อวงจรสตาร์ทแทนสวิทกุญแจ เพราะจะทำให้โซลีนอยด์ทำงานไม่สะดวก เกิดการกระแทกต่อเนื่องกันหลายครั้ง อาจทำให้โซลีนอยด์เกิดการชำรุดเสียหายได้
4. มอเตอร์สตาร์ทไม่ควรมีสิ่งสกปรกหรือคราบน้ำมันติดอยู่ เพราะจะทำให้ซี่คอมมิวเตอร์และแปรงถ่านสกปรก มอเตอร์สตาร์ทจะทำงานไม่เต็มที่ หรือไม่หมุน เมื่อมีความจำเป็นต้องทำความสะอาด ควรใช้น้ำมันระเหยตัวได้เร็ว เช่น น้ำมันเบนซิน เป็นต้น
5.อย่าให้น้ำหรือละอองน้ำเข้ามอเตอร์สตาร์ท เพราะจะทำให้สปริงกดแปรงถ่าน หรือส่วนอื่น ๆ ภายในมอเตอร์สตาร์ทเป็นสนิม แปรงถ่านอาจขัดตัว มอเตอร์สตาร์ทจะไม่หมุน
6.ในกรณีมอเตอร์สตาร์ทไม่ทำงาน ควรตรวจสอบขั้วต่อสายต่าง ๆ เช่น ขั้วสายแบตเตอรี่ ขั้วบวกหรือขั้วลบอาจหลุดหลวม หรือแบตเตอรี่มีไฟไม่พอ
7.ทุก 1,500 ชั่วโมงควรถอดทำความสะอาด ใส่จาระบีที่ลูกปืน หรือน้ำมันหล่อลื่นที่บู๊ช ตรวจซี่ คอมมิวเตอร์ ถ้าจำเป็นต้องกลึงและเซาะร่องไมก้า แปรงถ่านถ้าสึกเกินครึ่งต้องเปลี่ยนใหม่ ตรวจแรงสปริงกดถ่านและซองแปรงถ่าน อย่าให้แปรงถ่านขัดตัว
1.ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์เกินกว่าครั้งละ 10 วินาที เพราะจะทำให้มอเตอร์สตาร์ทไหม้หรือเกิดการชำรุดเสียหายได้
2.ไม่ควรใช้กระแสไฟในการสตาร์ทเกินกว่าที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด เช่น มอเตอร์สตาร์ทต้องการแรงเคลื่อนไฟฟ้าเพื่อสตาร์ท 12 โวลท์ แต่ผู้ควบคุมเครื่องมีความจำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ 2 ลูก ต้องต่อแบบขนานเพื่อเพิ่มกระแสไฟ อย่างต่อแบบอันดับ เพราะจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างอื่นเสียหาย เนื่องจากแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงอีกเท่าตัว จาก 12 โวลท์ เป็น 24 โวลท์
3.ไม่ควรใช้สายไฟหรือเครื่องมือ เช่น ไขควง ต่อวงจรสตาร์ทแทนสวิทกุญแจ เพราะจะทำให้โซลีนอยด์ทำงานไม่สะดวก เกิดการกระแทกต่อเนื่องกันหลายครั้ง อาจทำให้โซลีนอยด์เกิดการชำรุดเสียหายได้
4. มอเตอร์สตาร์ทไม่ควรมีสิ่งสกปรกหรือคราบน้ำมันติดอยู่ เพราะจะทำให้ซี่คอมมิวเตอร์และแปรงถ่านสกปรก มอเตอร์สตาร์ทจะทำงานไม่เต็มที่ หรือไม่หมุน เมื่อมีความจำเป็นต้องทำความสะอาด ควรใช้น้ำมันระเหยตัวได้เร็ว เช่น น้ำมันเบนซิน เป็นต้น
5.อย่าให้น้ำหรือละอองน้ำเข้ามอเตอร์สตาร์ท เพราะจะทำให้สปริงกดแปรงถ่าน หรือส่วนอื่น ๆ ภายในมอเตอร์สตาร์ทเป็นสนิม แปรงถ่านอาจขัดตัว มอเตอร์สตาร์ทจะไม่หมุน
6.ในกรณีมอเตอร์สตาร์ทไม่ทำงาน ควรตรวจสอบขั้วต่อสายต่าง ๆ เช่น ขั้วสายแบตเตอรี่ ขั้วบวกหรือขั้วลบอาจหลุดหลวม หรือแบตเตอรี่มีไฟไม่พอ
7.ทุก 1,500 ชั่วโมงควรถอดทำความสะอาด ใส่จาระบีที่ลูกปืน หรือน้ำมันหล่อลื่นที่บู๊ช ตรวจซี่ คอมมิวเตอร์ ถ้าจำเป็นต้องกลึงและเซาะร่องไมก้า แปรงถ่านถ้าสึกเกินครึ่งต้องเปลี่ยนใหม่ ตรวจแรงสปริงกดถ่านและซองแปรงถ่าน อย่าให้แปรงถ่านขัดตัว
อ้างอิง : http://web.rid.go.th/ome/moc5/Engin5.htm
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น